มีคำโบราณกล่าวไว้ว่า “คิดก่อนพูดเสมอ แต่จงอย่าพูดก่อนคิด จงคิดทุกคำที่พูด แต่อย่าพูดทุกคำที่คิด” จะเห็นได้ว่าบางครั้งเรามักพูดโพล่งออกไปโดยไม่คิด หรือพูดออกไปด้วยอารมณ์ แต่รู้มั้ยคะ การพูดไม่คิด หรือพูดไปเพราะโมโหจะมีผลเสียอย่างไร ถ้าคุณเผลอไปพูดคำเหล่านี้ออกมา
จะเป็นอย่างไร ZENLAW จะบอกให้ค่ะ บุคคลมีสิทธิ และเสรีภาพในการพูด การเขียน แสดงความคิดเห็น แต่สิทธินี้ต้องไม่เป็นการไปล่วงละเมิด หรือทำให้บุคคลอื่นได้รับความเสียหาย เพราะทุกคนมีเกียรติ มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน ดังนั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393 บัญญัติไว้ว่า ผู้ใดดูหมิ่นผู้อื่นซึ่งหน้าหรือด้วยการโฆษณา ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจําทั้งปรับ การพูดดูหมิ่นผู้อื่นก็อาจมีความผิดทางอาญาได้
แล้ว การดูหมิ่น หมายถึงอะไร?
การดูหมิ่น หมายถึง การดูถูก เหยียดหยาม การด่าทอ การสบประมาท จนทำให้อับอาย ทำให้เสียหาย เป็นที่เกลียดชัง ซึ่งจะกระทำด้วยวาจา กริยา ท่าทาง ลายลักษณ์อักษร หรือโฆษณาก็ได้ เช่น ด่าผู้อื่นว่า “เฮงซวย” “อีตอแหล” “อีดอกทอง” “อีเหี้ย”“อีสัตว์”“อีควาย” หรือ ชูนิ้วกลางให้ โดยจะเป็นความผิดฐานดูหมิ่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393 นั้น จะต้องมีการกล่าวหรือแสดงกิริยาท่าทางที่เป็นการดูหมิ่นให้ผู้อื่นทราบในขณะที่มีการกระทำในทันทีทันใด ซึ่งคำพูดหรือการกระทำเหล่านี้ทำให้ผู้ถูกดูหมิ่นรู้สึกอับอาย
ตัวอย่างที่ 1 นาง ก นั่งคุยกับ นาง ข ในร้านอาหาร ต่อมา นาง จ เดินมาหา นาง ก ที่โต๊ะแล้วด่านาง ก ว่า “อีดอกทอง” เมิงมองผัวกูทำไม เช่นนี้ คำพูดของ นาง จ เป็นถ้อยคำหยาบคาย ซึ่งคนทั่วไปได้ยินแล้วเข้าใจว่าผู้ถูกด่า เป็นหญิงไม่ดี ถือได้ว่า นาง จ กระทำการพูดจาดูหมิ่นซึ่งหน้า นาง ก โดยทำให้ นาง ก รู้สึกอับอายเป็นที่เกลียดชัง นาง จ จึงเป็นผู้กระทำความผิดฐานดูหมิ่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393
ตัวอย่างที่ 2 นาง ก นั่งคุยกับ นาง ข ในร้านอาหาร ต่อมา นาง จ เดินมาหา นาง ก ที่โต๊ะแล้วพูดกับนาง ก ว่า “ขอให้เมิงชิบหาย” เช่นนี้ คำพูดของ นาง จ เป็นเพียงคำไม่สุภาพ เป็นคำสาปแช่ง ไม่ถือว่า นาง จ กระทำการพูดจาดูหมิ่นซึ่งหน้าโดยทำให้ นาง ก รู้สึกอับอายเป็นที่เกลียดชัง นาง จ จึงไม่เป็นผู้กระทำความผิดฐานดูหมิ่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393
*ข้อสังเกต กรณีพูดคำหยาบคาย พูดไม่สุภาพ พูดแดกดัน พูดสาปแช่ง ขู่อาฆาต ปรับทุกข์ โต้เถียง หรือกล่าวติชม ตามปกติวิสัย ไม่เป็นการดูหมิ่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393
ตัวอย่างที่ 3 นาง ก กับ นาง ข ทะเลาะตบตีกันในร้านอาหาร นาง ก ด่านาง ข ว่า “อีตอแหล” และยกเท้าให้ นาง ข ก็ด่า นาง ก กลับว่า “อีเหี้ย อีสัตว์ อีควาย” เช่นนี้ คำพูดและการกระทำของ นาง ก และนาง ข ไม่ถือว่า นาง ก และนาง ข กระทำการพูดจาดูหมิ่นซึ่งหน้าโดยทำให้ผู้ถูกดูหมิ่นรู้สึกอับอายเป็นที่เกลียดชัง นาง ก และนาง ข ไม่เป็นผู้กระทำความผิดฐานดูหมิ่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393
*ข้อสังเกต ตามตัวอย่างที่ 3 จะเห็นว่า คำพูดและการแสดงออกทางร่างกายที่ นาง ก และ นาง ข กระทำนั้น เป็นคำพูดและการกระทำที่ทำให้ผู้ถูกดูหมิ่นรู้สึกอับอาย ทำให้เสียหาย และเป็นที่เกลียดชัง ก็จริง แต่การกระทำของ นาง ก และนาง ข นั้น เป็นต่างก็เป็นการด่าโต้ตอบและทะเลาะวิวาทกัน จึงถือว่าต่างคนต่างเป็นผู้กระทำความผิด จึงไม่มีความผิดฐานดูหมิ่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393
การดูหมิ่นด้วยการโฆษณา มีลักษณะอย่างไร?
การดูหมิ่นด้วยการโฆษณา มีลักษณะการกระทำให้แพร่หลายหรือเผยแพร่ไปยังสาธารณชนหรือเผยแพร่แก่บุคคลหลายๆคน โดยการป่าวประกาศนี้ อาจกระทำโดยเอกสารภาพวาด ภาพยนตร์ หรือการกระจายเสียง การดูหมิ่น ด้วยการโฆษณานี้แม้เป็นการกล่าวลับหลังผู้เสียหายก็เป็นความผิดแล้ว เช่น การลงโฆษณาคำดูหมิ่นลงในหนังสือพิมพ์
ตัวอย่างที่ 4 นาง ก โกรธ นาย ข เพราะไม่ให้ตนเองยืมเงิน จึงพิมพ์ข้อความโพสต์บน Facebook ว่า นาย ข เป็นคน เฮงซวย ชาติหมา ใจดำ แม้นาย ข จะไม่ได้เห็นข้อความ แต่ข้อความเช่นนี้ มีความหมายในทางเสื่อมเสีย ซึ่งเมื่อคนทั่วไปได้อ่านแล้วสามารถเข้าใจได้ว่าผู้ถูกด่า เป็นคนไม่ดี ทำให้ถูก ดูถูกเหยียดหยาม ดังนั้น การกระทำของ นาง ก จึงเป็นการดูหมิ่นนาย ข ด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393 ไม่ว่าข้อความนั้น จะมีคนอ่านหรือยังไม่มีคนอ่าน หรือผู้ถูกดูหมิ่นได้เห็นหรือจะไม่ได้เห็นข้อความก็ตาม ความผิดนั้นสำเร็จแล้ว
ถ้าท่านใดถูกดูถูก เหยียดหยาม จนรู้สึกอับอาย อย่าโต้ตอบด้วยการด่ากลับไป ด้วยคำด่า ด้วยแรงอารมณ์ ให้ตั้งสติ และเก็บรวมรวมหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ มาหา ZENLAW สิคะ เราช่วยคุณได้ ทาง ZENLAW หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ ช่วยเตือนสติ กับผู้อ่านทุกท่าน ให้คิดก่อนพูด เสมอนะคะ อาวุธที่อันตรายที่สุดของมนุษย์คือคำพูด อย่าทำร้ายกันด้วยคำพูดเลย
