ถูกยึดทรัพย์เพื่อบังคับคดี ควรทำอย่างไร ZENLAW ให้คำตอบได้ไหม?

คุณเคยได้ยินคำนี้กันไหม “ยึด อายัด ทรัพย์สิน” 3 คำนี้มีความหมายอย่างไร ในการบังคับคดีทางกฎหมาย และ 3 คำที่ว่านี้มีระยะเวลามาเกี่ยวข้องได้อย่างไร สามารถเพิกเฉย ไม่แยแส หรือไม่ต้องกังวลได้หรือไม่?

                ก่อนอื่นเลยเราต้องรู้ก่อนว่าเหตุแห่งการที่จะถูกยึดหรืออายัดทรัพย์สินของเราได้นั้น  บุคคลอื่นจะใช้อำนาจทางกฎหมายใดมาอ้างสิทธิในการยึดหรืออายัดทรัพย์สินของเราได้

                ZENLAW ขออธิบายให้คุณเข้าใจ ดังต่อไปนี้

                ก่อนที่จะมาถึงกระบวนการยึดหรืออายัดทรัพย์สินได้นั้น บุคคลผู้ถือกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้นต้องถูกฟ้องร้องดำเนินคดีทางกฎหมายมาก่อนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการถูกฟ้องร้องคดีทางแพ่ง หรือการถูกฟ้องร้องคดีทางอาญา เมื่อศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ว่าบุคคลผู้ถูกฟ้องร้อง(จำเลย) ไม่ปฏิบัติการชำระหนี้ตามคำพิพากษาของศาลภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด โจทก์สามารถบังคับคดีได้ตามกฎหมาย

                กรณีการฟ้องร้องดำเนินคดีทางแพ่ง มีขั้นตอนดังนี้

                ขั้นฟ้อง เมื่อโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลแล้ว จะมีหมายศาลไปยังจำเลย ณ ภูมิลำเนาตามที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน เพื่อแจ้งให้จำเลยทราบว่าคดีนี้ศาลกำหนดนัดไกล่เกลี่ย ให้การ สืบพยานในวัน เวลาใด จำเลยจะได้ไปศาลได้ถูกต้องตรงตามกำหนดเวลานัด เมื่อจำเลยได้รับหมายศาลแล้ว จะต้องตรวจสอบข้อมูลการฟ้องคดีของโจทก์ว่า โจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาความผิดใด และให้จำเลยรับผิดต่อข้อหานั้นๆ อย่างไร ซึ่งโดยส่วนมากแล้ว หากมีการกู้ยืมเป็นหนี้เงินเกิดขึ้น การชำระหนี้ก็ต้องชำระหนี้ด้วยเงิน หากไม่มีตัวเงินคืนจึงใช้ทรัพย์สินอื่นของจำเลยมาชำระหนี้ให้แก่โจทก์แทนได้ ซึ่งในชั้นฟ้องนี้ หากจำเลยประสงค์ที่จะชำระหนี้ก็สามารถติดต่อโจทก์เพื่อเจรจาขอส่วนลดในการปิดยอดหนี้ที่ค้างชำระได้ เมื่อชำระหนี้เสร็จสิ้นถือว่าคดีนี้เป็นอันสิ้นสุด จำเลยไม่ต้องรับผิดใดๆต่อโจทก์อีก (หากประสงค์จะสู้คดี ติดต่อ ZENLAW เพื่อหาแนวทางสู้คดีได้)

                ขั้นพิพากษา จะเกิดขึ้นได้ 2 แบบคือ 1.) กรณีพิพากษาตามยอม ซึ่งเป็นการที่โจทก์และจำเลยตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยมีข้อกำหนดการชำระหนี้ให้จำเลยปฏิบัติตามเงื่อนไขของสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น หากจำเลยปฏิบัติตรงตามข้อสัญญาฯ ถือว่าคดีเป็นอันสิ้นสุด จำเลยไม่ต้องรับผิดใดๆต่อโจทก์อีก แต่หากจำเลยไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามเงื่อนไขที่ตกลงกับโจทก์ไว้ โจทก์ก็จะยื่นคำขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อสืบหาทรัพย์สินของจำเลยเพื่อยึดหรืออายัดทรัพย์สินเหล่านั้นและนำมาบังคับคดีโดยวิธีขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้คืนแก่โจทก์ 2.) กรณีศาลพิพากษาปกติ คือจำเลยไม่สามารถที่จะผ่อนชำระหนี้ให้แก่โจทก์เป็นงวดๆ ตามสัญญาประนีประนอมยอมความกันได้ จึงให้ศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีไปฝ่ายเดียวก่อน เมื่อศาลมีคำพิพากษาแล้ว จะเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำคำบังคับให้จำเลยทราบเพื่อจำเลยจะได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาภายในกำหนดระยะเวลา 15 วันหรือ 30 วัน แล้วแต่ดุลยพินิจของศาล หากเมื่อครบระยะเวลาแจ้งคำบังคับให้จำเลยทราบแล้วจำเลยไม่สามารถชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาได้ โจทก์ก็จะยื่นคำขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีออกหมายยึดทรัพย์สิน โดยโจทก์จะเป็นฝ่ายสืบหาทรัพย์สินของจำเลยเพื่อยึดหรืออายัดทรัพย์สินเหล่านั้นและนำมาบังคับคดีโดยวิธีนำมาขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้คืนแก่โจทก์ต่อไป

                ขั้นบังคับคดี เมื่อถึงกระบวนการขั้นนี้ ZENLAW ขอบอกเลยว่าชีวิตของคุณถึงขั้นหนักหน่วงของชีวิตแล้ว หากคุณมั่นใจว่าภายในระยะเวลา 10 ปีนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาไปจนถึงในอนาคต 10 ปีข้างหน้านี้ คุณจะทำงานเงินเดือนคุณไม่เกิน 20,000 บาทแน่ๆ บริษัทที่คุณทำงานอยู่จะไม่แจกโบนัสคุณแน่ๆ คุณจะเกษียณโดยไม่มีเงินบำเหน็จหรือเงินบำนาญ คุณจะไม่ซื้อบ้านหรือรถยนต์ที่กรรมสิทธิ์เป็นชื่อของคุณแน่ๆ คุณสามารถใช้สโลแกนนี้ได้เลย “ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย” ครบ 10 ปี นับแต่วันฟ้องเมื่อไหร่ คุณเป็นไท แน่นอน

                แต่…หากว่าภายใน 10 ปี นับจากวันฟ้องนี้ คุณมีเงินเดือนเกิน 20,000 บาท คุณได้รับโบนัสจากนายจ้างแบบจุกๆ คุณเกษียณโดยได้รับเงินบำเหน็จหรือเงินบำนาญ คุณมีบ้าน มีรถยนต์ ที่กรรมสิทธิ์ในการครอบครองทรัพย์เหล่านั้นเป็นชื่อของคุณเอง พูดง่ายๆ คือทรัพย์สินที่มีราคาที่คุณครอบครองเป็นเจ้าของอยู่ คุณเชื่อไหมว่าคุณจะหนีไม่พ้นจากการตรวจสอบทรัพย์สินจากโจทก์ไปได้ (โจทก์เขามีสายตาเหมือนสัปปะรด หาเจอหมด)

                เมื่อมีหมายบังคับคดียึดทรัพย์สินส่งมาที่บ้าน ต้องทำย่างไร

            ลูกหนี้ต้องรีบติดต่อไปยังเจ้าหนี้โดยเร่งด่วน เพราะหากปล่อยไว้เนินนาน ระยะเวลาการบังคับคดีจะเดินทันที หากพ้นระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดแล้ว ลูกหนี้จะเรียกร้องสิทธิใดๆต่อศาลก็จะเป็นการยาก การที่ ZENLAW แนะนำให้ติดต่อเจ้าหนี้นั้น เพื่อหากว่าทรัพย์สินที่ถูกยึดนั้นอาจมีมูลค่า/ราคาแพงกว่ามูลหนี้ที่ลูกหนี้มีอยู่ ลูกหนี้ก็อาจเจรจาขอส่วนลดในการปิดบัญชีหนี้ หรือสามารถติดต่อเพื่อขอผ่อนชำระหนี้ในชั้นบังคับคดีได้ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าหนี้จะยินยอมลดยอดหนี้หรือแบ่งให้ผ่อนชำระหนี้เป็นรายงวดก็อยู่ที่ความพึงพอใจของเจ้าหนี้ด้วย

                ทรัพย์สินที่เจ้าหนี้สามารถยึดเพื่อบังคับคดีขายทอดตลาดได้ คือ ทรัพย์สินที่มีราคา

– เงินเดือน ค่าจ้าง หรือรายได้อื่นที่มีลักษณะจ่ายเพื่อตอบแทนการทำงานเป็นรายเดือน (อายัดได้แต่ต้องเหลือไม่น้อยกว่า 20,000 บาท),  โบนัส (อายัดร้อยละ 50), เงินที่ตอบแทนกรณีออกจากงาน เงินส่วนที่ไมได้อายัดต้องคงเหลือไว้ไม่น้อยกว่า 300,000 บาท,  เงินตอบแทนจากการทำงานเป็นชั่วคราว (อายัดร้อยละ 30), เงินฝากในบัญชีสถาบันการเงิน, เงินปันผลหุ้น

– สังหาริมทรัพย์ เช่น สร้อยเพชร แหวนเพชร นาฬิกาหรู กระเป๋าแบรนด์เนม รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ที่ไม่ได้มีไว้เพื่อใช้ในการประกอบอาชีพ

– อสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้าน ที่ดิน เรือยอร์ช  แม้จะติดไฟแนนซ์ เจ้าหนี้ก็สามารถยึดได้

– ค่าเช่าทรัพย์สิน

– ค่างวดตามสัญญาจ้าง

– หุ้น เงินปันผล

ทรัพย์สินที่เจ้าหนี้ไม่สามารถยึดเพื่อบังคับคดีขายทอดตลาดได้ (ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 302)

– เงินเดือน ค่าจ้าง บำนาญ บำเน็จ เบี้ยหวัด หรือรายได้อื่นๆในลักษณะเดียวกันของข้าราชการ เจ้าหน้าที่ หรือลูกจ้างในกน่วยงานราชการ *ยกเว้น กรณีที่กฎหมายกำหนดไว้เป็นการเฉพาะ

– เงินสงเคราะห์ บำนาญ หรือบำเน็จที่หน่วยงานราชการได้จ่ายให้แก่คู่สมรสหรือญาติที่ยังมีชีวิตของข้าราชการ เจ้าหน้าที่ หรือลูกจ้างในหน่วยงานราชการ

– เงินเดือน ค่าจ้าง บำนาญ ค่าชดใช้ เงินสงเคราะห์ หรือรายได้อื่นในลักษณะเดียวกันของพนักงาน ลูกจ้าง หรือคนงาน ที่นายจ้างจ่ายเป็นจำนวนรวมกันไม่เกิน 20,000 บาท หรือตามจำนวนที่เจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นสมควร

– เงินบำเหน็จหรือค่าชดเชยหรือรายได้อื่นเป็นจำนวน 300,000 บาท หรือจำนวนที่เจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นสมควร

– เงินฌาปนกิจสงเคราะห์ฯ

– เงินกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)

– เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

– ค่ารักษาพยาบาลที่ลูกหนี้มีสิทธิได้รับจากสำนักงานประกันสังคม

– เงินตามสัญญากู้ยืมของลูกหนี้

– สิทธิเรียกร้องซึ่งยังไม่แน่นอนว่าลูกหนี้มีสิทธิจะได้รับหรือไม่

เมื่อทรัพย์สินที่ยึดถูกประกาศขายทอดตลาดแล้ว ต้องทำอย่างไร

หากลูกหนี้ไม่สามารถเจรจาต่อรองกับเจ้าหนี้เพื่อผ่อนชำระหนี้ได้ แต่ไม่อยากให้ทรัพย์ที่ถูกยึดไปนั้นตกไปเป็นของบุคคลอื่น ลูกหนี้ต้องหาบุคคลที่ตนไว้วางใจได้ไปประมูลซื้อทรัพย์สินเหล่านั้นคืน ตามราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดไว้

“ทุกอย่างมีระยะเวลาของมัน”

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Scroll to Top