โดนโกง? สั่งซื้อแล้วไม่ได้สินค้า โดนหลอกให้โอนเงิน ต้องทำยังไงต่อ?

      

ถึงแม้จะปวดใจเมื่อเพิ่งเจอมิจมาก็อย่าเพิ่งเสียใจไปทุกปัญหาจัดการได้ ZENLAW ขอแนะนำว่าเบื้องต้นต้องตั้งสติ และรวบรวมหลักฐาน หรือเอกสารอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะหาได้ แล้วจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นตามนี้เลย มา ZENLAW จะอธิบายและแนะนำวิธีการจัดการปัญหานี้กัน ลุยยยย


          กรณีซื้อสินค้าออนไลน์แล้วโดนเท ไม่ได้รับสินค้า ลูกค้าจะต้องรวบรวมหลักฐานในการสั่งซื้อสินค้า ตัวอย่าง เช่น
          – แคปภาพหน้าจอบนหน้าเว็บไซต์ หน้าเพจ หรือหน้าแอพพริเคชั่นที่เราเข้าไปซื้อสินค้าออนไลน์
          – แคปภาพข้อความที่สนทนากับผู้ขายสินค้า
          – รวบรวมชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล์ และ เลขบัญชีของร้านค้า ที่พอทราบ
          – หลักฐานการโอนเงิน, ใบนำฝากที่เราจ่ายค่าสินค้าไป
          – สำเนาบัตรประชาชนของเรา

            กรณีที่มีคนโทรมาหลอกให้โอนเงิน หรือหลอกให้ลงทุน หรือโดนหลอกให้ทำสิ่งใดๆก็ตาม เมื่อรู้ตัวแล้วว่าโดนหลอก ก็จะต้องเตรียมหลักฐานด้วยเช่นกัน ตัวอย่าง เช่น

          – แคปภาพหน้าจอบนหน้าเว็บไซต์ ข้อความ รูปภาพ หรือรวบรวมเอกสารหรือสิ่งของใดๆ อันเป็นการชวนเชื่อที่ทำให้เราหลงเชื่อคิดว่าสิ่งนั้นจะเกิดขึ้น
          – แคปภาพข้อความหรือเก็บไฟล์เสียงบทสนทนากับผู้ที่หลอกลวงให้เราหลงเชื่อ
          – รวบรวมชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล์ หรือรายละเอียดที่สามารถระบุตัวตนถึงบุคคลนั้น ที่พอทราบ
          – หลักฐานการโอนเงิน หรือเอกสารใดๆ ที่เป็นหลักฐานได้ว่า บุคคลนั้นหลอกให้เรากระทำการนั้น
          – สำเนาบัตรประชาชนของเรา

            แต่ก่อนจะดำเนินการส่วนต่อไป มาตั้งสติและคิดดีๆก่อนนะ ว่าเราถูกหลอกจริงหรือป่าว? ในบางครั้งเราอาจคิดว่าเราถูกหลอก แต่ความเป็นจริงอาจไม่ใช่ก็ได้ ตัวอย่างเช่น

          – ซื้อสินค้ามือสอง โดยร้านระบุไว้ชัดเจนแล้วว่า “ขายตามสภาพ” หรือ “สินค้าลดราคา หากซื้อแล้วไม่รับคืน” และเค้าได้แสดงรูปของสินค้าทั้งหมดให้เราเห็น รวมทั้งตำหนีของสินค้านั้นแล้ว และเราได้ซื้อสินค้าตามรูปนั้นมา แต่เรามาพบตำหนิในภายหลัง

            – ซื้อสินค้าโดยมีการระบุส่วนผสมของสินค้า หากร้านขายสินค้าโดยโฆษณาว่ามี “ส่วนผสมของทองคำ” หากสินค้ามีส่วนผสมของทองคำแล้ว ถึงแม้ว่าผสมไปน้อยเพียงใด หรือทองคำนั้นมีความบริสุทธิ์มากน้อยเพียงใด ก็ถือว่าสินค้านั้นมีส่วนผสมของทองคำแล้วตามที่ร้านโฆษณา

            – ซื้อสินค้าโดยหลงเชื่อในรูปภาพว่าจะเป็นจริงตามนั้น แต่ร้านค้าได้ระบุไว้ในภาพถ่ายแล้วว่า “รูปถ่ายใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น”


          ถ้าทุกอย่างพร้อมลุยแล้ว ก็ดำเนินการต่อไปได้เลย เราสามารถไปสถานีตำรวจในเขตพื้นที่พักอาศัย หรือที่เหตุเกิดและเข้าแจ้งความดำเนินคดีได้เลยทันที!!

       ไม่ยากเพียงนำบัตรประชาชนและหลักฐานที่รวบรวมมา เข้าแจ้งความกับตำรวจโดยให้แจ้งว่า “ต้องการดำเนินคดีให้ถึงที่สุด” ไม่ใช่แค่ลงบันทึกประจำวันเท่านั้น
            เมื่อแจ้งความเรียบร้อยแล้ว ก็รอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกระบวนการต่อไป หรือหากเป็นกรณีที่โดนหลอกลวงให้โอนเงินและทราบเลขบัญชี ก็ไปดำเนินการอายัดบัญชีการทางธนาคารต่อไป

            และสำคัญที่สุดคือเราต้องรีบดำเนินการ เมื่อรู้ตัวแล้วว่าโดนหลอกลวงจริง ต้องไปแจ้งความที่สถานีตำรวจเพื่อดำเนินคดีภายใน 3 เดือน นับแต่วันที่รู้ว่าโดนหลอกหรือรู้ตัวคนที่หลอกลวง

 

            TIP แล้วถ้าเรารู้ว่ามีคนโดนหลอกเหมือนเราหลายๆ คน ถ้าเราพอรู้ว่าคนที่โดนหลอกนั้นถึง 10 คน เราสามารถรวมตัวกันเพื่อให้คนผิดสามารถรับโทษเพิ่มได้ด้วยนะ


       สำหรับผู้ขายที่ฉ้อโกง จะเข้าข่ายทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา เป็นการทุจริตหลอกลวงผู้อื่นด้วยข้อความที่เป็นเท็จ หรือ ปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกและแจ้งให้ทราบ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

        และเป็นการนำเข้าซึ่งข้อมูลปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลอันเป็นเท็จ หลอกลวง ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท

ข้อมูลจาก : ประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2499 มาตรา 341 และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14

       

TIP แต่ถ้าเราต้องการฟ้องร้องให้มีการดำเนินการเรียกร้องทางแพ่งด้วย เป็นค่าเสียหาย ให้ชดใช้เป็นเงินจำนวนใดๆ ก็ตาม ต้องติดต่อให้มีทนายความดำเนินคดีทางแพ่งให้นะ เจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานอัยการดำเนินการให้แค่เฉพาะส่วนของคดีอาญาเพียงเท่านั้น ก็คือตำรวจและอัยการช่วยเอาคนผิดมารับโทษตามกฎหมายเท่านั้นนะ

Scroll to Top